tag:blogger.com,1999:blog-87091194087684217502024-02-07T00:09:24.991-08:00Learning Materials for Early Childhoodเป็นแฟ้มสะสมงานในรายวิชาสื่อเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยนางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.comBlogger14125tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-70092623438712238542010-10-14T01:52:00.000-07:002010-10-14T01:52:12.296-07:00ครั้งที่ 13 09/30/2010วันนี้อาจารย์ ให้ทำแบบประเมินอาจารย์ อาจารย์พบปะพูดคุยเรื่องการตรวจบล็อก นัดวันตรวจบล็อก และสั่งงาน อาจารย์ให้ทำป้ายนิเทศอะไรก็ได้ตามอิสระโดยใช้กระดาษลังและต้องบอกว่าเป็นหน่วยการสอนของอะไร แต่ดิฉันทำเป็นสนามบาส เป็นหน่วยกีฬานางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-8370898686338052312010-10-14T01:19:00.000-07:002010-10-14T01:21:06.524-07:00ครั้งที่ 12 09/23/2010วันนี้อาจารย์ได้ให้นักศึกษาทำแป้งโดว์และเมื่อทำแป้งโดว์เสร็จทุกคนก็ได้ช่วยกันเก็บของทำความสะอาด<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrVSB2JvnUrHp7GpxycO1vuTLgxlVdVj9AAm3t7kTKvYsKTmto9-i7kE0tjQ-vxWshHqXAjOO2WhKOT5U_XE9CIwPn4UtBdhyphenhyphenK9pVURUtav33U14KZVFK_FMjjY-fx_AjXKdsZzh6GSKc/s1600/59094_1450392698202_1184774428_31095216_7871005_n.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ex="true" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrVSB2JvnUrHp7GpxycO1vuTLgxlVdVj9AAm3t7kTKvYsKTmto9-i7kE0tjQ-vxWshHqXAjOO2WhKOT5U_XE9CIwPn4UtBdhyphenhyphenK9pVURUtav33U14KZVFK_FMjjY-fx_AjXKdsZzh6GSKc/s400/59094_1450392698202_1184774428_31095216_7871005_n.jpg" width="400" /></a></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-64285642233830231372010-10-14T01:10:00.000-07:002010-10-14T01:14:27.513-07:00ครั้งที่ 11 09/16/2010<u>วันนี้อาจารย์ให้นำอุปกรณ์มาทำแป้งโดว์มีส่วนประกอบดังนี้</u><br />
เกลือ 1/2 ถ้วย<br />
แป้งสาลี 1 ถ้วย<br />
สารส้มป่น 2 ช้อนโต๊ะ<br />
น้ำ 1 ถ้วย<br />
ทาทาครีม 1 ช้อนโต๊ะ หรือใช้น้ำมันมะกอกแทนก็ได้<br />
สีผสมอาหาร<br />
<br />
<u>วิธีทำ</u><br />
<br />
นำเกลือ แป้งสาลี สารส้มป่น ผสมให้เข้ากัน จากนั้นค่อยเติมน้ำและน้ำมัน ทีละน้อยให้เข้ากันดี ใส่สีผสมอาหาร นำขึ้นตั้งไฟกวนจนแป้งไม่ติดภาชนะ แล้วยกลงนำมานวด แล้วเก็บในภาชนะให้มิดชิด (ไม่ต้องแช่เย็น)<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLYG1AJN4dQrAH_IeiUagw-ZrqrVB9AP5Zzkos0zaboZ0Sr3coQLzwYNUyq5K6hICyxzruqWciqEi3oEgHGKmaRLkx18VXBkavaSlvPoaU0V4cdRUBdjOG2ws21qCEaaeGXRYrm5ESd5I/s1600/untitled.bmp" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ex="true" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLYG1AJN4dQrAH_IeiUagw-ZrqrVB9AP5Zzkos0zaboZ0Sr3coQLzwYNUyq5K6hICyxzruqWciqEi3oEgHGKmaRLkx18VXBkavaSlvPoaU0V4cdRUBdjOG2ws21qCEaaeGXRYrm5ESd5I/s400/untitled.bmp" width="400" /></a></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-24384338612573410042010-10-14T00:56:00.001-07:002010-10-14T01:02:38.901-07:00ครั้งที่ 10 09/9/2010อาจารย์ได้นัดส่งงาน pop up สามชิ้น ที่ทำมาและหลังจากนั้นก็ได้สอบนักศึกษาการที่นักศึกษาได้ทำข้อสอบนี้ทำให้เราได้เกิดกระบวนการคิดในสิ่งที่เราได้ทำมาและเกิดทักษะ<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhMtgOR6pMAwFuj8dQmuGs1RN0wRWWYkZUhN_YjfFZEtaLRpF6pY8rNpk1uWEzeob9G5arXxc7USrs9-JYiTkAwW-kR7P3nXoOmjQq7s5OZdDIWLP23v9F0hZCixLulKlR5_WXw7o5fowI/s1600/SAM_0185.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ex="true" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhMtgOR6pMAwFuj8dQmuGs1RN0wRWWYkZUhN_YjfFZEtaLRpF6pY8rNpk1uWEzeob9G5arXxc7USrs9-JYiTkAwW-kR7P3nXoOmjQq7s5OZdDIWLP23v9F0hZCixLulKlR5_WXw7o5fowI/s400/SAM_0185.JPG" width="300" /></a></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-47388085489030082882010-10-14T00:54:00.000-07:002010-10-14T00:54:34.499-07:00ครั้งที่ 9 09/2/2010อาจรย์ให้นักศึกษากลุ่ม101กับ102มาเรียนรวมกันเพื่อที่จะพูดเกี่ยวกับงานที่อาจารย์ได้สั่งไปและตรวจงานหลังจากนั้นอาจารย์ก็ได้ให้นักศึกษาไปยู่บนห้องเรียนเพื่อที่จะให้นักศึกษาได้ศึกษาดูสื่อเกมการศึกษาที่อาจารย์ได้นำมาให้ในวันนี้จากนั้นก็ได้บอกวิธีการเล่นสื่อเกมการศึกษาแต่ล่ะอย่างให้ฟัง<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
จากนั้นอาจารย์ก็ได้ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มกันเล่นสื่อที่จารย์ได้เครียมมาให้เล่นและให้แต่ล่ะกลุ่มมาเอาเกมของแต่ล่ะกลุ่มไปและลงมือเล่นได้และหลังจากที่ได้เล่นเกมเสร็จแล้วอาจารย์ก็ได้ตรวจงานของแต่ล่ะคนส่วนคนไหนที่งานไม่ครบก็ให้เขียนชื่อไว้และในมาส่งในคาบหน้านางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-91120253699103838242010-10-14T00:52:00.000-07:002010-10-14T00:52:59.600-07:00ครั้งที่ 8 08/19/2010อาจารย์เข้ามาพูดเรื่องการทำสื่อเมื่อวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมาและเซ็คซื้อคนที่ไม่ได้มาในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา อาจารย์ดูงานเรื่องสื่อที่อาจารย์ได้ให้ไปทำมาส่งจากนั้นก็พูดถึงการฝึกทำสื่อเพิ่มเต็ม เช่น การทำป๊อบอัพ ภาพเลื่อน หัวสัตว์ จากนั้นก็พูดเรื่องการทำ(เกมการศึกษา)ของแต่ล่ะคนเพิ่มเติมนางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-12477456987766882692010-07-30T01:16:00.000-07:002010-08-02T09:22:42.125-07:00ครั้งที่ 7 07/29/2010วันนี้อาจารย์ได้ให้อ่านชีทเกี่ยวกับเกมการศึกษาและอาจารย์ได้ออกไปทำธุระ เมื่ออาจารย์กลับมาถึงห้องเรียนก็ได้อธิบายเกี่ยวกับเกมการศึกษาวิธีการเล่นความเหมาะสมระหว่างเด็กกับเกมการศึกษาว่าเกมนี้จะช่วยพัฒนาเด็กได้ในทางด้านใดบ้างและได้สั่งงานให้คิดเกมการศึกษามาคนละหนึ่งเกม ห้ามซ้ำกับตัวอย่างเกมในชีทและได้พูดถึงการไปทัศนศึกษาที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี วันที่ 17-18 สิงหาคม 2553<br />
<div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;">เกมการศึกษานี้ชื่อว่าเกมจับภาพโครงร่างของผลไม้</div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: left;">เนื้อหาของเกม</div><div style="text-align: left;"><ul><li>เกมจับภาพโครงร่างของผลไม้เป็นเกมที่สอนให้เด็กรู้จักรูปทรงของผลไม้รู้จักสังเกตเปรียบเทียบจำแนกความเหมือนของรูปภาพและความแตกต่างของรูปภาพทำให้เด็กได้ฝึกประสาทสัมพันธ์ระหว่างประสาทตาและกล้ามเนื้อมือ</li>
</ul>จดมุ่งหมาย</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div style="text-align: left;"><ul><li>เพื่อพัฒนาสติปัญญาของเด็กทำให้เด็กรู้จักการสังเกตจำแนกสิ่งของฝึกการตัดสินใจและรู้จักการใช้เหตุผลการแก้ปัญหาการเข้าร่วมสังคมกับกลุ่มเพื่อนรู้จักการแบ่งปันกันเพราะเกมเกมนี้สามารถเล่นกันได้หลายคนเพื่อให้เด็กช่วยกันคิด</li>
</ul>วิธีการเล่น<br />
<br />
<ul><li>ให้จับคู่โครงร่างของผลไม้ที่คล้ายคลึงกัน</li>
</ul></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijK8JYvsguA8TFLI36TYaeqO3X9xlwR9gpwCTsaC61fhDNRHCnTf5pExokhwSdEyqcKYxKCJRdFkDP8GEmYVvAqY614MTS1sbJgaGLwWrtxAbyfd74NcO9mAlRfYbYZUQe6Qg5Pn8KDHI/s1600/36792_114107751974905_100001270426162_94305_6185149_n.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijK8JYvsguA8TFLI36TYaeqO3X9xlwR9gpwCTsaC61fhDNRHCnTf5pExokhwSdEyqcKYxKCJRdFkDP8GEmYVvAqY614MTS1sbJgaGLwWrtxAbyfd74NcO9mAlRfYbYZUQe6Qg5Pn8KDHI/s640/36792_114107751974905_100001270426162_94305_6185149_n.jpg" width="480" /></a></div><div style="text-align: left;"><br />
</div><div style="text-align: left;"><br />
</div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-62150862516953382952010-07-26T05:52:00.000-07:002010-07-26T05:59:33.548-07:00ครั้งที่ 6 07/22/2010<div style="text-align: center;"><b>เกมการศึกษา</b><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipRPLnBBruNa19g7smD67Y6H2_XothEit0U5nsf6LzPSJySq9q_ZCyJcudqcIB2W4XBZnsEXIda_-V8yLlKlXvW_j7C8onDNXK0UNC7Y9oq8kaQTlgIr7lEMsBnrbsuseas74gSFbqMtA/s1600/product_admin_img1_1053.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipRPLnBBruNa19g7smD67Y6H2_XothEit0U5nsf6LzPSJySq9q_ZCyJcudqcIB2W4XBZnsEXIda_-V8yLlKlXvW_j7C8onDNXK0UNC7Y9oq8kaQTlgIr7lEMsBnrbsuseas74gSFbqMtA/s320/product_admin_img1_1053.jpg" /></a></div><div style="text-align: right;"><b><br />
</b></div></div><div style="text-align: justify;"><b>ความสำคัญ</b></div><div style="text-align: justify;"></div><ul><li><b>ทำให้ที่เป็นสิ่งนามธรรมให้เป็นรูปธรรม</b></li>
<li><b>ได้รับประสบการณ์ตรงจำได้นาน</b></li>
<li><b>รวดเร็ว,เพลิดเพลิน,เข้าใจง่าย</b></li>
</ul><b>ลักษณะของสื่อที่ดี</b><br />
<div style="text-align: justify;"></div><ul><li><b>ต้องมีความปลอดภัย</b></li>
<li><b>ประโยชน์ที่เด็กได้รับเหมาะสมกับความสามารถของเด็กความสนใจ</b></li>
<li><b>ประหยัด</b></li>
<li><b>ประสิทธิภาพ</b></li>
</ul><b>หลักการเลือกสื่อฯ</b><br />
<div style="text-align: justify;"></div><ul><li><b>คุณภาพดี</b></li>
<li><b>เด็กเข้าใจง่าย</b></li>
<li><b>เลือกให้เหมาะสมกับสภาพของศูนย์</b></li>
<li><b>เหมาะสมกับวัย</b></li>
<li><b>เหมาะสมกับเวลาที่ใช้</b></li>
<li><b>เด็กได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม</b></li>
<li><b>ถูกต้องตามเนื้อหา,ทันสมัย</b></li>
<li><b>เด็กได้คิดเป็นทำเป็นกล้าแสดงออก</b></li>
</ul><b>การประเมินใช้สื่อ</b><br />
<div style="text-align: justify;"></div><ul><li><b>สื่อทำให้เด็กเกิดความรู้เพียงใด</b></li>
<li><b>เด็กชอบสื่อนั้นเพียงใด</b></li>
<li><b>สื่อช่วยสอนให้ตรงจุดประสงค์</b></li>
</ul><b>หุ่นไม้ไอศกรีม</b><br />
<div style="text-align: justify;"></div><ul><li><b>ระบายสีที่รูปภาพ</b></li>
<li><b>ตัดรูปที่ระบายสีแล้วติดลงกระดาษแข็ง</b></li>
<li><b>ตัดกระดาษแข็งให้เรียบร้อย</b></li>
<li><b>ติดตัวตุ๊กตาที่ไม้ไอศกรีม</b></li>
<li><b>เสร็จสมบูรณ์</b></li>
</ul><b>การบ้าน</b><br />
<div style="text-align: justify;"></div><ol><li><b>ดูเกมส์การศึกษาว่ามีเกมส์อะไรบ้างมีความหมายว่าอะไร</b></li>
</ol>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-35807853458487136282010-07-19T09:17:00.000-07:002010-07-30T02:16:00.162-07:00ครั้งที่ 5 07/15/2010<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhr2YHvDXo4DAU8lP_RBZs8XXrAl0KFfEGHgGz4sQZTV3J-LXGtRQpMkDfT5AxZtgE-eXz2egbw22t5nEb1jEGNtHmdjbjpGrOgaSNcWcbJmQiE2uYXCIGzgKJNjbrixCGv1tQXQxBTA50/s1600/150720101670.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhr2YHvDXo4DAU8lP_RBZs8XXrAl0KFfEGHgGz4sQZTV3J-LXGtRQpMkDfT5AxZtgE-eXz2egbw22t5nEb1jEGNtHmdjbjpGrOgaSNcWcbJmQiE2uYXCIGzgKJNjbrixCGv1tQXQxBTA50/s200/150720101670.jpg" width="200" /></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUfTsGd1_ZITtcPb7LRNWdxirGNneEoWWgHkLOpxEFWArwn7QZwq0m2_b1mNtLjT8g6bDSwbU1o-8T7UkoYkLE-gBClZA8ga_Dw-tvRHG6bHP-UZsTeuipxeQa9013y-AbW1R7Dn8o44M/s1600/150720101671.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUfTsGd1_ZITtcPb7LRNWdxirGNneEoWWgHkLOpxEFWArwn7QZwq0m2_b1mNtLjT8g6bDSwbU1o-8T7UkoYkLE-gBClZA8ga_Dw-tvRHG6bHP-UZsTeuipxeQa9013y-AbW1R7Dn8o44M/s200/150720101671.jpg" width="200" /></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi389epLpKzPoSoctyMAPe4MHKxp1HbTYdp7bqjPAbH3_nfLfl-miXrPY2PcITeyO4ujHrt1uJr0U2ZBFMCFEOYq_CLladVDWhdMu68xaBHB3nGH96vMtuJgtwYHqE4kwEALf2aCKrQcY8/s1600/150720101672.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi389epLpKzPoSoctyMAPe4MHKxp1HbTYdp7bqjPAbH3_nfLfl-miXrPY2PcITeyO4ujHrt1uJr0U2ZBFMCFEOYq_CLladVDWhdMu68xaBHB3nGH96vMtuJgtwYHqE4kwEALf2aCKrQcY8/s200/150720101672.jpg" width="150" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><br />
<div style="text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><b><br />
</b><br />
<b><span class="Apple-style-span" style="font-size: x-large;">นำเสนอสื่อ</span></b></div><div style="text-align: center;"><b><br />
</b></div><div style="text-align: left;"> วันนี้ได้นำเสนอสื่อคือ ชนิดของผลไม้หรือผลไม้จำลอง</div><div style="text-align: left;"><br />
</div><div style="text-align: left;"> สื่อชนิดนี้เป็นสื่อประสบการณ์รองคือการจำลองชนิดของผลไม้ทำให้เด็กรู้จักได้ง่ายและสามารถเก็บไว้ได้นานโดยที่ไม่ต้องนำผลไม่จริงมาสอนเพราะอาจจะเก็บไว้ได้ไม่นาน สื่อชนิดนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป เด็ก 2 ขวบก็สามารถเล่นได้แต่อาจจะอันตรายต่อเด็กเพราะสีที่ผลไม้จำลอง</div><div style="text-align: left;"><br />
</div><div style="text-align: left;"> สื่อชนิดนี้อยู่ได้หลายมุม อาทิ มุมเสรี มุมบทบาทสมมติ มุมคณิตศาสตร์ เช่นอยู่ในมุมครัว มุมขายผลไม้ทำให้เด็กรู้จักการขาย การคิดเงิน มุมร้านอาหารที่มีแต่ผลไม้ มุมคณิตศาสตร์ทำให้เด็กรู้จักรูปทรงผลไม้ได้แยกแยะชนิดของผลไม้รูปทรงของผลไม้ รู้จักสีของผลไม้ ได้นับจำนวนผลไม้หรือช่วยส่งเสริมทางด้านภาษาทำให้เด็กได้รู้ว่าผลไม้นี้ชนิดอะไร</div><div style="text-align: left;"><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div><embed align="middle" flashvars="cy=bb&il=1&channel=2738188573478403322&site=widget-fa.slide.com" name="flashticker" quality="high" salign="l" scale="noscale" src="http://widget-fa.slide.com/widgets/slideticker.swf" style="height: 320px; width: 400px;" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent"></embed><br />
<div style="text-align: left; width: 400px;"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&at=un&id=2738188573478403322&map=1" target="_blank"><img border="0" ismap="ismap" src="http://widget-fa.slide.com/p1/2738188573478403322/bb_t047_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&at=un&id=2738188573478403322&map=2" target="_blank"><img border="0" ismap="ismap" src="http://widget-fa.slide.com/p2/2738188573478403322/bb_t047_v000_s0un_f00/images/xslide2.gif" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&at=un&id=2738188573478403322&map=F" target="_blank"><img border="0" ismap="ismap" src="http://widget-fa.slide.com/p4/2738188573478403322/bb_t047_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" /></a></div></div></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-88589176716421286072010-07-09T08:57:00.000-07:002010-07-09T11:59:30.871-07:00ครั้งที่ 4 07/08/2010<div style="text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCZI1r28zwcsq5p4GgBhaWcdRao8qJtOUp7yLj1iISfOyjR7pYqjDMSZQtVP8rAcdxPng_Z-RjbblXrqDVakPx_dEBj6BM8pggjWRymVS-nmrUhU_3D9-1YxnIaZf2n0e_E1Gt9hzKCuM/s1600/triple.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="241" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCZI1r28zwcsq5p4GgBhaWcdRao8qJtOUp7yLj1iISfOyjR7pYqjDMSZQtVP8rAcdxPng_Z-RjbblXrqDVakPx_dEBj6BM8pggjWRymVS-nmrUhU_3D9-1YxnIaZf2n0e_E1Gt9hzKCuM/s320/triple.jpg" width="320" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b><br />
</b></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b><br />
</b></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b><br />
</b></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>การแบ่งประเภทสื่อ</b></span><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>ประกอบด้วย</b></span></div><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">1.</span><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ประสบการณ์ตรง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นประสบการณ์ที่ให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์โดยตรงจากของจริงสถานการณ์จริงหรือด้วยการกระทำของ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ตนเอง เช่นการจับต้องและการเห็นเป็นต้น</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">2.ประสบการณ์รอง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"></span><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นการเรียนจากสิ่งใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดซึ่งอาจเป็นของจำลองหรือสถานการณ์จำลองก็ได้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">3.ประสบการณ์นาฎการหรือการแสดง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละครเพื่อเป็นการจัดประสบการณ์ให้แกผู้เรียน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">4.การสาธิต</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นการกระทำประกอบคำอธิบายเพื่อให้เห็นลำดับขั้นตอนของการกระทำนั้นๆ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">5.การศึกษานอกสถานที่</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ต่างๆภายนอกห้องเรียนอาจเป็นการท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">6.นิทรรศการ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นการจัดการแสดงสิ่งของต่างๆเพื่อให้สาระประโยชน์และความรู้แก่ผู้ชม</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">7.โทรทัศน์</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนหรือผู้ชมที่อยู่ในห้องเรียนหรืออยู่ทางบ้านและใช้ส่งได้ทั้งระบบวงจรเปิดและวงจรปิดการสอนอาจเป็นการสอนสดหรือบันทึกวิดีโอ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">8.ภาพยนตร์</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์บันทึกลงฟิล์มเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์ทั้งภาพและเสียงโดยใช้ประสาทตาและหู</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">9.การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นได้ทั้งรูปของแผ่นเสียงหรือเทปบันทึกเสียง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">10.ทัศนสัญลักษณ์</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เช่นแผนที่ แผนสถิติหรือเครื่องหมายต่างๆแทนความเป็นจริงของต่างๆ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">11.วจรสัญลักษณ์</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> เป็นประสบการณ์ที่เป็นนามธรรมเช่นตัวหนังสือในภาษาเขียนและเสียงของคำพูดในภาษาพูด</span><br />
<div style="text-align: center;"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />
</span></div><div style="text-align: center;"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>ตามแนวคิดของบรูเนอร์ ( Jerome s. Bruner )</b></span></div><div style="text-align: center;"></div><ul><li style="text-align: left;"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มการกระทำ ( Enactive )</span></li>
<li style="text-align: left;"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มภาพ ( Iconic )</span></li>
<li style="text-align: left;"><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มนามธรรม ( Abstracs )</span></li>
</ul><span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><div style="text-align: center;"><b>สรุปหลักการในการเลือกสื่อการสอน</b></div><div style="text-align: center;"><ol><li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนที่เพื่อสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้</li>
<li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนที่ตรงลักษณะของเนื้อหาของบทเรียน</li>
<li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน</li>
<li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับจำนวนของผู้เรียนและกิจกรรมการสอน</li>
<li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม</li>
<li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจและดึงดูดความน่าสนใจ</li>
<li style="text-align: left;">เลือกสื่อการสอนที่มีวิธีการใช้งานเก็บรักษาและบำรุงรักษาได้สะดวก</li>
</ol></div></span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-24763741667091015772010-06-30T23:26:00.000-07:002010-06-30T23:26:36.262-07:00ครั้งที่3 07/01/2010<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6TKWDOulXyzvW3oUpV3cUQHhtCzKMvxKpjKgkFNYXSIaWqAaB_g4pSJwmGRAwKg3s9vDEXdd-gQs44AL5JbXjnzvL7ZDGr1H_5xsuCm6HRJBoLe7bxUvJboL5YvHnuZF_DmrvgdmUPm4/s1600/a.gif" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="256" rw="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6TKWDOulXyzvW3oUpV3cUQHhtCzKMvxKpjKgkFNYXSIaWqAaB_g4pSJwmGRAwKg3s9vDEXdd-gQs44AL5JbXjnzvL7ZDGr1H_5xsuCm6HRJBoLe7bxUvJboL5YvHnuZF_DmrvgdmUPm4/s320/a.gif" width="320" /></a></div><br />
อาจารย์ได้พูดถึงสื่อการเรียนการสอนการติดต่อให้ถึงกันชักนำให้รู้จักกันหรือติดต่อชักนำให้รู้จักกันสื่อคือเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆอาจจะเป็นวัสดุเครื่องมือหรือกิจกรรมและวางแผนในเนื้อหาของหลักสูตรต่างๆสื่อเป็นพาหะที่จะนำสารหรือความรู้ไปยังผู้เรียน สื่อทำให้เข้าถึงบทเรียนได้ง่ายขึ้น <br />
<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgv-SMjul2-nPA3Z6UM9JXYkz60u6AbVdhZde3fS4LnS0UAABn31lKZfFlC7ipNKRbBFhWcANb699cPf4UWNMCkQ9cG57Rv77Xev-dxX2Y_lwBt5QK542LoeNxH8xU-o3u1S-BnXD-6Rfw/s1600/5203.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="138" rw="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgv-SMjul2-nPA3Z6UM9JXYkz60u6AbVdhZde3fS4LnS0UAABn31lKZfFlC7ipNKRbBFhWcANb699cPf4UWNMCkQ9cG57Rv77Xev-dxX2Y_lwBt5QK542LoeNxH8xU-o3u1S-BnXD-6Rfw/s200/5203.jpg" width="200" /></a></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-16408908406884867002010-06-30T11:22:00.000-07:002010-06-30T11:22:08.107-07:00ทฤษฎีของบรูเนอร์ (Bruner)<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://brunner.igetweb.com/article/art_412748.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="209" src="http://brunner.igetweb.com/article/art_412748.jpg" width="320" /></a></div><div style="text-align: center;"><b>ทฤษฏีเกี่ยวกับการสอนของบรูเนอร์</b></div><div style="text-align: center;"><b>( Bruner’s Theory of Instruction)</b></div><div style="text-align: justify;">Jerome S. Bruner เป็นผู้ที่มีความเห็นว่าในการจัดการเรียนการสอนนั้น ครูสามารถช่วยจัดประสบการณ์เพื่อช่วยให้เด็กเกิดความพร้อมได้ โดยไม่ต้องรอให้เด็กพร้อมตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเสียเวลานั้นหมายความว่าตามความคิดเห็นของบรูเนอร์แล้ว ความพร้อมเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดเร็วขึ้นได้</div><b>1.หลักการสำคัญ</b><br />
บรูเนอร์ได้เสนอว่าในการจัดการศึกษานั้น ควรที่จะได้คำนึงถึงทฤษฏีพัฒนาการว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่าง ทฤษฏีความรู้ และทฤษฏีการสอน ( A theory of development must be link both to a theory of instruction) ซึ่งหมายความว่า ทฤษฏีพัฒนาการจะเป็นตัวกำหนดเนื้อหา (knowledge) และวิธีการสอน (instruction)ในการที่จะนำเนื้อหาใดมาสอนเด็กนั้นควรพิจารณาดูว่าในขณะนั้นเด็กมีพัฒนาการอยู่ในระดับใด มีความสามารถเพียงใด เราก็ปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับความสามรถของเด็กที่จะเรียนหรือที่จะรับรู้ได้ โดยใช้วิธีการให้เหมาะสมกับเด็กในวัยนั้น ดังนั้นเราก็สามรถสอนให้เด็กเกิดความพร้อมได้โดยไม่ต้องรอ ดังที่บรูเนอร์ได้กล่าวว่า “เราจะสามารถสอนวิชาใดๆก็ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้วิธีการที่เหมาะสมให้กับเด็กคนใดคนหนึ่งในระดับอายุใดก็ได้...” any subject can be taught effectively in some intellectually honest formto any child at any stage of development (1960)<br />
ซึ่งความพร้อมในที่นี้ของบรูเนอร์หมายถึงความสามารถที่เด็กจะเรียนทักษะอย่างง่ายๆได้ก่อนซึ่งทักษะนี้เป็นพื้นฐานของทักษะที่ยากต่อไป ซึ่งบรูเนอร์ได้กล่าวไว้ว่า...one teaches readiness or provides opportunities for its nurture; one does not simply wait for it. Readiness, in these terms, consists of mastery of those simple skills that permit one to reach higher skills’<br />
บรูเนอร์มองเห็นว่าในการจัดการศึกษานั้น ควรที่จะทำให้เนื้อหาวิชามีความต่อเนื่องกัน ถ้าเราทราบว่าเนื้อหาวิชาใดเป็นสิ่งจำเป็นที่เด็กจะต้องเรียน หรือจะต้องใช้เมื่อตอนโต ก็ให้รีบนำเนื้อหาวิชานั้นมาสอนให้เด็กตั้งแต่ที่เขายังเล็กๆ โดยที่ปรับเนื้อหาวิชานั้นให้เหมาะกับความสามารถในการคิด หรือการรับรู้ของเด็ก หรือใช้ภาษาที่เด็กจะเข้าใจได้ ดังนั้น เราก็สามารถนำเนื้อหาวิชาใดๆมาสอนกับเด็กในระดับอายุเท่าใดก็ได้ ถ้ารู้จักใช้วิธีการที่เหมาะสม<br />
ซึ่งจากความคิดนี้ได้เสนอว่าในการจัดการเรียนการสอนควรมีลักษณะเป็น “spiral curriculum” คือ การจัดเอาวิชาให้มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ และมีความลึกซึ่งซับซ้อนและกว้างขวางออกไปตามประสบการณ์ของผู้เรียน เรื่องเดียวกันอาจเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ก็เรียนได้ทั้งสิ้น เช่น เรื่องเกี่ยวกับ “เซ็ท” เด็กประถมก็เรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในลักษณะที่เป็นรูปธรรม นิสิตในมหาวิทยาลัยก็เรียนเรื่องนี้ แต่ในลักษณะที่เป็นนามธรรมที่ลึกซึ้งเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน สำหรับวิชาฟิกสิกส์ บรูเนอร์ได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับ “ Snell’s law” ซึ่งเป็นกฎว่าด้วยเรื่อง “แรงกดของแสง” ซึ่งเขาได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับการถ่ายรูปว่า การทีถ่ายรูปติดนั้นเป็นเพราะแรงกดจากแสง หรือว่าไม่เกี่ยวข้องกับแรงกดจากแสงเลย<br />
บรูเนอร์กล่าวว่าเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนอย่างนี้สามารถอธิบายให้เด็กอายุ 7 ขวบ เข้าใจได้ และเขาได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยใช้ลูกบอลสองลูกเพื่อที่จะอธิบายว่าถ้าวัตถุที่เคลื่อนที่ไปกระทบวัตถุที่นิ่ง มั่นจะผ่านไปด้วยแรงซึ่งเนื่องมาจากอัตราเร็วที่ไปกระทบวัตถุนั้นๆนอกจากนั้นบรูเนอร์กล่าวว่าการที่เขากล้ายืนยันว่าเด็กเล็กๆ ก็สามารถเรียนเกี่ยวกับกฎของ Snell law wfhoyho เพราะเขาเคยพบในวัยเด็ก preoperation ซึ่งมีคำถามเกี่ยวกับการสร้าง “กังหันรมแสง” เพื่อวัดแรงกดจากแสงว่า กังหันนั้นควรจะเป็น “กังหันร้อน” หรือ “กังหันเย็น” ในเมื่อแสงจากดาวนั้นเย็น ( Hall, 1970)<br />
<br />
<b>2.ความคิดของบรูเนอร์เกี่ยวกับทฤษฎีพัฒนาการ</b><br />
ทฤษฎีพัฒนาการของบรูเนอร์ เป็นทฤษฎีที่คู่ขนานกับทฤษฎีพัฒนาการของเปียเจท์ โดยที่<br />
บรูเนอร์ศึกษาค้นคว้าโดยที่ยึดขั้นต่างๆ ของพัฒนาการของเปียเจท์เป็นหลัก<br />
บรูเนอร์ได้เสนอว่า พัฒนาการทางสติปัญญาของคนประกอบด้วย 3 ลักษณะ คือ<br />
1. Enactive representation ซึ่งเปรียบได้กับ sensorimoter ของเปียเจท์<br />
2. Iconic representation ซึ่งเปรียบได้กับ concrete operations ของเปียเจท์<br />
3. Symbolic representation ซึ่งเปรียบได้กับ formal operations ของเปียเจท์<br />
<br />
<b>3.ข้อแตกต่างระหว่างทฤษฎีของเปียเจท์และบรูเนอร์</b><br />
1. เปียเจท์มองเห็นว่าพัฒนาการทางสมองของเด็กมีขั้นตอนซึ่งขึ้นอยู่กับอายุ กำหนดลงไปเลยว่าเด็กในวัยใดจะมีพัฒนาการทางสมองในเรื่องใด บรูเนอร์มิได้คำนึงถึงอายุ เห็นว่ากิจกรรมต่างๆที่เด็กทำอันสืบเนื่องมาจากพัฒนาการทางสมองที่เกิดในช่วงแรกของชีวิต คนก็ยังนำไปใช้ในการแก้ปัญหาในช่วงหลังๆ ของชีวิตอีกเช่นกัน มิได้แบ่งเป็นช่วงๆ ดังเช่นของเปียเจท์<br />
2. เปียเจท์คำนึงถึงพัฒนาการทางสมองในแง่ของความสามารถในการกระทำสิ่งต่างๆ ในแต่ละวัย แต่บรูเนอร์คำนึงถึงในแง่ของกระบวนการ (process) ที่ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต<br />
3. บรูเนอร์เน้นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ว่าสิ่งแวดล้อมบางอย่างจะทำให้พัฒนาการทางสมองช้าลงหรือหยุดชะงักลง และสิ่งแวดล้อมบางอย่างจะช่วยให้พัฒนาการทางสมองเป็นไปอย่างรวดเร็ว<br />
<br />
<b>4.พัฒนาการทางสมองของบรูเนอร์</b><br />
เน้นที่การถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยลักษณะต่างๆดังนี้<br />
1.Enactive representation<br />
ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุประมาณ 2 ขวบ เป็นช่วงที่เด็กแสดงให้เห็นถึงความมีสติปัญญาด้วยการกระทำ และการกระทำด้วยวิธีนี้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เป็นลักษณะของการถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยการกระทำซึ่งดำเนินต่อไปตลอดชีวิต มิได้อยุดอยู่เพียงในช่วงอายุใดอายุหนึ่ง<br />
บรูเนอร์อธิบายในแง่ที่ว่า เด็กใช้การกระทำแทนสิ่งต่างๆเพื่อแสดงห้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจ เขาได้ยกตัวอย่างจากการศึกษาของเปียเจท์ ในกรณีที่เด็กเล็กๆนอนอยู่ในเปลและเขย่ากระดิ่งเล่น ขณะที่เขย่าบังเอิญทำกระดิ่งตกข้างเปล เด็กจะหยุดนิดหนึ่งแล้วยกมือขึ้นดู เด็กทำท่าประหลาดใจและเขย่ามือเล่นต่อไป<br />
จากการศึกษานี้บรูเนอร์ให้ข้อแนะว่า การที่เด็กเขย่ามือต่อไปโดยที่ไม่มีกระดิ่งนั้น เพราะเด็กคิดว่ามือนั้นคือกระดิ่ง และเมื่อเขย่ามือก็จะได้ยินเสียงเหมือนเขย่ากระดิ่ง นั้นคือเด็กถ่ายทอดสิ่งของ (กระดิ่ง) หรือประสบการณ์ ด้วยการกระทำ ตามความหมายของบรูเนอร์<br />
เกี่ยวกับเรื่องนี้บรูเนอร์ได้ให้ความเห็นว่า ในชีวิตประจำวันของเรานั้นบางครั้งจะพบว่าคนโต ยังใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยการกระทำซึ่งให้ผลดีกว่าการอธิบายด้วยคำพุด เช่น การสอนคนให้ขี่จักรยาน หรือเล่นเทนนิส หรือการกระทำอื่นๆอีกหลายอย่าง เราจะพบว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ แสดงให้ดูเป็นตัวอย่างซึ่งจะได้ผลดีกว่าการอธิบายเพราะเราจะพบว่าเป็นการยากเหลือเกินที่จะอธิบายให้ฟังเป็นขั้นตอนและบางครั้งก็ไม่สามารถหาคำพูดมาอธิบายได้ เพื่อให้คนมองเห็นภาพแต่ถ้าเรากระทำให้ดู (acting) โดยมิต้องใช้คำพูดอธิบาย ผู้เรียนจะเข้าใจทันที ดังนั้น บรูเนอร์จึงมิได้แบ่งพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจให้หยุดอยู่เพียงในระยะแรกของชีวิตเท่านั้น เพาระถือว่าเป็นกระบวนการต่อเนื่อง คนจะนำมาใช้ในช่วงใดของชีวิตก็ได้<br />
2. Iconic representation<br />
พัฒนาการทางความคิดในขั้นนี้อยู่ที่การมองเห็นและการใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ<br />
จากตัวอย่างของเปียเจท์ดังกล่าวแล้ว เมื่อเด็กอายุมากขึ้นประมาณ 2-3เดือน ทำของเล่นตกข้างเปลเด็กจะมองหาของเล่นนั้น ถ้าผู้ใหญ่แกล้งหยิบเอาไป เด็กจะหงุดหงิดหรือร้องไห้เมื่อมองไม่เห็นของ บรูเนอร์ตีความว่า การที่เด็กมองหาของเล่นและร้องไห้ หรือแสดงอาการหงุดหงิดเมื่อไม่พบของ แสดงให้เห็นว่าในวัยนี้เด็กมีภาพแทนในใจ (iconic representation) ซึ่งต่างจากวัย enactive เด็กคิดว่าการสั่นมือกับการสั่นกระดิ่งเป็นของสิ่งเดียวกัน เมื่อกระดิ่งตกหายไป ก็ไม่สนใจ แต่ยังคงสั่นมือต่อไป<br />
การที่เด็กสามารถถ่ายทอดประสบการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆด้วยการมีภาพแทนในใจ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามอายุ เด็กโตจะยิ่งสามารถสร้างภาพในใจได้มากขึ้น เช่น การทดลองของบรูเนอร์ (1964) กับเด็กวัย 5-7 ขวบโดยให้จัดเรียงลำดับแก้วซึ่งมีขนาดต่างๆกัน 9 ใบ <br />
การทดลอง<br />
ครั้งแรกบรูเนอร์ให้เด็กดูภาพการจัดแก้ว 9 ใบ ดังแสดงในรูปต่อจากนั้นหยิบแก้วออกทีละแถว และให้เด็กจัดเองให้เหมือนเดิมจากนั้นหยิบแก้วทั้ง 9 ใบออกจากตะแกรงและให้เด็กจัดให้เหมือนเดิมปรากฏว่าเด้ก 5 ขวบ และ 7 ขวบ สามารถทำได้ ความแตกต่างระหว่างเดก 2 วัยนี้คือ เมื่อบรูเรนอร์ให้เรียงสลับ โดยให้เริ่มจากใบใหญ่ให้อยู่ทางซ้ายมือ ปรากฏว่าเด็กวัย 5 ขวบเริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง แต่แล้วก็งง ในที่สุดจัดออกมาเหมือนแบบที่ให้ดูตั้งแต่แรก ส่วนเด็กวัย 7 ขวบนั้นสามารถเรียงสลับได้อย่างถูกต้อง บรูเนอร์จึงสรุปว่า การเกิดภาพในใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจนั้นจะเพิ่มขึ้นตามอายุทั้งนี้เพราะเด็กรู้จักที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ออกมาเป็นสัญลักษณ์ ( symbolic)<br />
3. Symbolic representation<br />
หมายถึง การถ่ายทอดประสบการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆโดยการใช้สัญลักษณ์หรือภาษา ซึ่งภาษาเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความคิด ขั้นนี้เป็นขั้นที่บรูเนอร์ถือว่าเป็นขั้นสูงสุดของพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจ เด็กสามารถคิดหาเหตุผล และในที่ สุดจะเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมได้ และสามารถแก้ปัญหาได้ บรูเนอร์มีความเห็นว่าความรู้ความเข้าใจภาษามีพัฒนาการขึ้นมาพร้อมๆกัน<br />
<b>สรุป</b><br />
บรูเนอร์มีความเห็นว่า คนทุกคนจะมีพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจ โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า acting, imaging และ Symbolizimg เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต มิใช่ว่าเกิดขึ้นเพียงช่วงใดช่วงหนึ่งในระยะแรกๆของชีวิตเท่านั้น<br />
<br />
<b>5. ความคิดเห็นของบรูเนอร์ที่มีผลต่อการศึกษา</b><br />
ความคิดของบรูเนอร์มีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาเช่นเดียวกับเปียเจท์<br />
1. ทำให้ตระหนักถึงการจัดวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการสอนให้กับเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะวัสดุอุปกรณ์ประเภทกระตุ้นการกระทำ ( enactive ) และประเภทที่รับรู้ง่ายเพื่อช่วยสร้างภาพในใจ ( image หรือ iconic )<br />
2. เน้นความสำคัญของผู้เรียน ว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีบทบาท ได้คิดค้นกระทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง <br />
( active ) ดังนั้น จึงมีการส่งเสริมให้มีการเรียนแบบ discovery learning<br />
3. ทำให้เข้าใจความคิดของเด็ก ( แม้จะไม่ละเอียดถี่ถ้วนเท่าเปียเจท์ )<br />
4. บรูเนอร์เป็นผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน เพื่อจะพัฒนาสติปัญญาของเด็กมากว่าเปียเจท์ เป็นผู้ที่เห็นว่า เราจะสามารถจัดการสอนเนื้อหาวิชาใดๆให้เด็กในช่วงใดของชีวิตได้ถ้ารู้จักเลือกวิธีการที่เหมาะสม จากความเชื่อเช่นนี้ ทำให้เขาพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่าเด็กเล็กๆ สามารถเรียนเนื้อหาวิชาต่างๆ โดยการมีประสบการณ์กับการสอนชนิด nonverbal โดยไม่ต้องใช้คำพูดอธิบาย ดังนั้น จึงได้สร้างชุดการเรียนชนิดที่เรียกว่า “ nonverbal instruction packages “ ขึ้นสอน concept ต่างๆให้กับเด็กเล็กๆ<br />
5. บรูเนอร์มีความเห็นว่าในการจัดการเรียนการสอนนั้น จะต้องคำนึงถึงทฤษฏีความรู้ความเข้าใจ และทฤษฏีการสอน เขาได้เน้น interaction ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนโดยเน้นให้เห็นว่าพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจของนักเรียนจะเป็นไปได้ด้วยดีเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับการจัดสิ่งแวดล้อมของครู<br />
6. ขณะนี้ บรูเนอร์กำลังศึกษาวิจัยกับเด็กเล็กเกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติของทักษะที่ง่ายที่สุดซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้ในขั้นต่อไป<br />
<br />
<blockquote><b>6.หลักการสอน</b></blockquote> บรูเนอร์ ( 1966 ) กล่าวว่า ทฤษฏีการสอนใดๆ ก็ตามควรประกอบด้วยคุณลักษณะ 4ประการ ซึ่งข้อเสนอแนะของเขามีคุณค่าอย่างใหญ่หลวงต่อการวางแผนการสอนในปัจจุบัน<br />
1. ทฤษฏีการสอนควรจะบอกให้ทราบว่าเด็กวัยก่อนเรียนควรจะมีประสบการณ์อะไรที่จะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนในโรงเรียนต่อไปเพื่อครูจะได้นำประสบการณ์นั้นมาใช้ในการสอน<br />
2. ทฤษฏีการสอนควรบอกให้ทราบว่า จะจัดโครงการของความรู้อย่างไรที่จะทำให้เด็กเข้าใจโดยง่าย ซึ่งในการจัดนั้นจะต้องคำนึงถึงลักษณะทั้ง 3 ของการแก้ปัญหาของเด็กด้วย คือ 1) การใช้การกระทำ 2) การสร้างภาพในใจ และ 3) การใช้สัญลักษณ์<br />
3. ทฤษฏีการสอนควรจะบอกถึงลำดับขั้นของการเสนอเนื้อหาและใช้วัสดุอุปกรณ์ ซึ่งต้องคำนึงถึงลักษณะทั้ง 3 ของการแก้ปัญหาของเด็กดังกล่าวด้วย ซึ่งบรูเนอร์ได้เสริมว่าไม่มีลำดับขั้นใดจะมีประสิทธิภาพสำหรับเด็กทุกคน ครูจะต้องคำนึงถึงทั้งลักษณะของวัสดุอุปกรณ์นั้นๆ และความแตกต่างระหว่างบุคคล<br />
4. ทฤษฏีการสอนควรจะบอกว่าจะใช้การให้รางวัลและการลงโทษอย่างไรและเมื่อไร ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญ<br />
ท้ายสุดที่บรูเนอร์ได้สรุปให้เห็นว่า พัฒนาการทางสติปัญญานั้นขึ้นอยู่กับสัมพันธภาพระหว่างเนื้อหาสาระ ครูและผู้เรียน มิใช่เป็นเพียงการให้ผู้เรียนจำเนื้อหาสาระได้เท่านั้น แต่ครูจะต้องช่วยจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้รับเนื้อหาสาระซึ่งทำให้พัฒนาความรู้ใหม่นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-19596177943969585872010-06-30T11:12:00.000-07:002010-07-04T07:48:39.019-07:00ครั้งที่ 2 06/24/2010<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBv93vndAILV03sBWUKm1YCSluDgzlyRvb8vE7h6LEKtiK0RVmmoBTcQ4C0Y1MEMXWnpM12-8BdGvOq_DjratBPV_Xy_xH3laM341CPQlazMjcQIidWHYRDS4pCT7btHkoL5-izGSQmfI/s1600/6tbzqld.gif" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBv93vndAILV03sBWUKm1YCSluDgzlyRvb8vE7h6LEKtiK0RVmmoBTcQ4C0Y1MEMXWnpM12-8BdGvOq_DjratBPV_Xy_xH3laM341CPQlazMjcQIidWHYRDS4pCT7btHkoL5-izGSQmfI/s200/6tbzqld.gif" width="178" /></a></div><br />
1.อาจารย์ได้อธิบายเกี่ยวกับสื่อเรื่งราวเกี่ยวกับสื่อ เช่น จักรยาน บล็อกเป็นสื่อเป็นจุดหมายปลายทางการเรียนสื่อโดยการทำบล็อก และอาจารย์ได้<br />
<br />
พูดสรุปถึงนิยามสื่อคืออะไร<br />
<br />
2.อาจารย์ให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน และตั้งคำถามเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยและให้เพื่อนในกลุ่มช่วยกันคิดคำตอบและแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะเป็นประธาน<br />
<br />
รองประธาน กรรมการและเลขา มีการแบ่งงานกันภายในกลุ่ม<br />
<br />
3.อาจารย์ได้ให้การบ้านให้หาทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยอ่านและโพสต์ใส่บล็อคนางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8709119408768421750.post-7425598731469671642010-06-26T12:54:00.000-07:002010-07-04T06:58:30.608-07:00เริ่มเรียนวันแรกครั้งที่1 06/17/2010<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQYy8MgKbFN4osffXi2LGgH1cPNPmWyklnFeSVdOjcGtuW6gxyIJtj4lxxYQZVibV6taxa0GnCxAnochATqBh8sxWiH2B-WFtKHI4U42Au2_CdWEJD6_utYNPZayH6H6604F3TA8t7jCo/s1600/blogger-logo.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="198" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQYy8MgKbFN4osffXi2LGgH1cPNPmWyklnFeSVdOjcGtuW6gxyIJtj4lxxYQZVibV6taxa0GnCxAnochATqBh8sxWiH2B-WFtKHI4U42Au2_CdWEJD6_utYNPZayH6H6604F3TA8t7jCo/s200/blogger-logo.png" width="200" /></a></div>วันนี้เปิดเทอมเรียนเป็นวันแรกอาจารย์ได้สั่งงานให้ทำ<br />
<br />
1.ทำสมุดเล่มเล็กๆเป็นชื่อ<br />
<br />
2.ให้คิดกันตั้งชุมนุมการศึกษาปฐมวัยและเลือกชมรมเอกเพราะจะได้มีเงินหมุนเวียนในเอก<br />
<br />
3.อาจาร์ให้สร้างบล็อคส่งงานแทนการใช้กระดาษและลิงค์ของเพื่อนต่อๆกันมา<span style="font-weight: bold;"></span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div>นางสาว กัญภร เทียบเมืองhttp://www.blogger.com/profile/18440160331078975828noreply@blogger.com0